บทประสบการณ์น่าสนใจ ร้านอาหารไทย “รักแห่งสยาม”กับการผสมผสานอาหารไทยลงในหม้อไฟจีน ได้อย่างลงตัว

บทประสบการณ์น่าสนใจ ร้านอาหารไทย “รักแห่งสยาม”กับการผสมผสานอาหารไทยลงในหม้อไฟจีน ได้อย่างลงตัว

วันที่นำเข้าข้อมูล 23 ก.ย. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 1,159 view

บทประสบการณ์น่าสนใจ ร้านอาหารไทย “รักแห่งสยาม”กับการผสมผสานอาหารไทยลงในหม้อไฟจีน ได้อย่างลงตัว

หลังจากที่บีไอซีซีอานได้เคยนำเสนอบทสัมภาษณ์ร้านอาหารไทยในซีอานมาบ้างแล้ว ในวันนี้เราขอนำทุกท่านไปรู้จักกับร้านอาหารไทยน้องใหม่ป้ายแดงในนครซีอาน ที่มีแนวคิดและจุดเด่นของอาหารจานหลักคือ หม้อไฟ” ที่ท่านผู้อ่านทุกท่านทราบดีว่าหม้อไฟ มิใช่อาหารหลักของชาวไทย แต่ไฉนจึงนำเอาหม้อไฟมาเป็นจุดเด่นของร้าน

บีไอซีซีอานได้รับเกียรติจากคุณ หยาง  ผู้จัดการใหญ่ร้านอาหารไทย “暹罗之恋”มาบอกเล่าประสบการณ์ความเป็นมาของธุรกิจนี้กันค่ะ

1.แนะนำตัวเองคร่าวๆรวมไปถึงเล่าความเป็นมาของความสนใจในอาหารไทยให้ฟังหน่อยค่ะ

คุณ หยาง สวัสดีครับผมชื่อ หยาง ปิง(杨兵)ที่ผ่านมาผมคลุกคลีอยู่ในวงการอาหารมาเกือบ 20 ปี และเนื่องจากผมทำงานสั่งสมประสบการณ์ในการทำร้านอาหารมานาน จึงใฝ่ฝันที่อยากจะมีร้านอาหารเป็นของตนเองครับ ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศไทยและได้ลิ้มรสอาหารไทยซึ่งผมรู้สึกว่ามีรสชาติที่ดีและมีเอกลักษณ์มาก ผมจึงมีความคิดที่อยากจะเปิดร้านอาหารไทยในประเทศจีนดู ซึ่งผมได้เดินทางไปศึกษาและดูทำเลที่ตั้งในหลายเมืองอาทินครเฉิงตู รวมไปถึงมณฑลยูนนานก็ไปมาเเล้ว ซึ่งเมื่อผมเดินทางมาศึกษาตลาดในนครซีอานก็พบว่าอาหารไทยที่มีรสชาติเผ็ดเปรี้ยว น่าจะเหมาะกับรสนิยมของชาวซีอานครับ เพราะชาวจีนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ(มณฑลกานซู ส่านซี หนิงเซี่ย ชิงไห่ ซินเจียงและมองโกเลียใน)นิยมอาหารที่มีรสเผ็ดและเปรี้ยวครับ

2.อยากทราบถึงขั้นตอนการขออนุญาตเปิดกิจการ พบปัญหาหรือความยุ่งยากอะไรบ้างมั้ยคะ

คุณหยาง ตอนนี้ไม่พบปัญหาอะไรครับ ราบรื่นดี ทางร้านเราเริ่มต้นทุนจดทะเบียน 1,000,000 หยวนปัจจุบันมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 25 คน ครับ

3.อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า “หม้อไฟ” ไม่ใช่อาหารหลักของชาวไทย ทำไมคุณถึงเลือกหม้อไฟมาเป็นเมนูหลักของร้านคะ

คุณ หยาง หม้อไฟแบบดั้งเดิมมีการแข่งขันที่สูงมากครับในประเทศจีน แต่นั่นก็เป็นเพราะชาวจีนนิยมทานหม้อไฟมากนั่นเองครับ ผมจึงต้องมองหาจุดขายอื่นๆที่มีเอกลักษณ์ รวมไปถึงความที่หม้อไฟของจีนไม่มีน้ำซุปที่มีรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดเหมือนอย่างของไทย จะมีก็เพียงแต่น้ำซุปกิมจิตามแบบฉบับเกาหลี ซึ่งรสชาติต่างกัน ผมคิดว่าหากร้านเรามีจุดขายที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ก็อาจสร้างความสนใจและกระแสความนิยมอาหารไทยในนครซีอานให้เพิ่มสูงขึ้นได้ครับ จึงมาลงตัวที่น้ำซุปหม้อไฟจะใช้น้ำซุปไทยได้แก่ รสต้มยำ รสแกงเขียวหวาน รสต้มข่า เป็นต้นครับ

4.ปัจจุบันนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องปรุงมาจากที่ใดคะ

คุณ หยาง ปัจจุบันร้านของเราสั่งวัตถุดิบและเครื่องปรุงไทยจากกวางโจวครับ โดยมักจะใช้การขนส่งทางบกใช้เวลาประมาณ 2-5 วันครับ

5.ภายหลังจากการเริ่มเปิดร้านมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน กระเเสตอบรับจากชาวส่านซีต่ออาหารไทยเป็นอย่างไรบ้างคะ

คุณ หยาง ครับ ภายหลังจากที่เราเริ่มเปิดดำเนินงานได้ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ชาวซีอานค่อนข้างชอบและให้การตอบรับอาหารไทยดีนะครับ และร้านของเราก็มีการเสิร์ฟข้าวหอมมะลิจากไทยที่ชาวซีอานค่อนข้างนิยมรับประทาน รวมไปถึงรสชาติของน้ำซุปหม้อไฟที่เราได้มีการปรับรสชาติเพื่อให้เข้ากับรสชาติที่ชาวซีอานนิยมแล้ว ทำให้กระแสการตอบรับค่อนข้างดีเลยครับ ซึ่งในอนาคตทางร้านจะเพิ่มเมนูประเภทผัด(Hot dish) อาทิปูผัดผงกะหรี่และอาหารอีกหลายชนิดที่ใช้เครื่องแกงกะหรี่เป็นจุดเด่นครับ

6.คุณคิดว่าอาหารไทยชนิดใดที่มีศักยภาพดึงดูดชาวซีอานได้คะ

คุณ หยาง ผมคิดว่าเป็นอาหารก็คือพวกต้มยำครับ และมีแกงต่างๆอาทิแกงเขียวหวาน ต้มข่ารวมไปถึงของทานเล่นอาทิ ทอดมันกุ้ง ข้าวผัดสับปะรด ล้วนแต่ได้รับการตอบรับจากชาวซีอานเป็นอย่างดี

7.ไม่ทราบว่าตอนนี้ ทางร้านมีแผนงานดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้างคะ

คุณ หยาง ตอนนี้ทางร้านวางแผนเปิดร้านอาหารไทยระดับพรีเมี่ยมครับ โดยคาดว่าในปีหน้านี้จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ซึ่งเมนูเด่นของเราคืออาหาร Hot dish ไม่ได้เน้นหม้อไฟเหมือนที่ร้านนี้ครับ โดยเราวางแผนการขยายร้านอาหารไทย 4 ร้านภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ครับ

8. ในระหว่างการดำเนินงานพบปัญหาหรือข้อติดขัดอะไรที่อยากให้รัฐบาลไทยช่วยสนับสนุนคะ

คุณ หยาง อย่างแรกเลยคือร้านอาหารไทยของเราถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สร้างความแปลกใหม่ให้แก่ชาวซีอาน แต่ทางเราเองยังคงมีความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมของประเทศไทยไม่ลึกซึ้งพอ ซึ่งในปัจจุบันเรากำลังวางแผนการประชาสัมพันธ์ร้านอาหารไทย โดยล่าสุดได้ติดต่อแผนการประชาสัมพันธ์ร่วมกับสถานีโทรทัศน์มณฑลส่านซี(Shaanxi TV)และสถานีวิทยุนครซีอานในการประชาสัมพันธ์ร้านอาหารพร้อมกับเป็นสื่อกลางการเเจ้งข่าวสารระหว่างร้านเราและลูกค้าครับ ในด้านความต้องการที่อยากให้หน่วยงานรัฐบาลช่วยเหลือก็เห็นจะเป็นในส่วนของ การประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวครับ เพราะผมคิดว่าการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจะสามารถช่วยดึงดูดให้ชาวซีอานมีความสนใจและต้องการที่จะเรียนรู้ประวัติความเป็นมาหรือวัฒนธรรมของประเทศไทยมากยิ่งขึ้นครับ ซึ่งอาจเป็นการจัดกิจกรรมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ที่บริเวณลานช๊อปปิ้งของ west market เองหรือในที่อื่นๆครับ

9.ในตอนนี้ร้านอาหารของคุณมีพ่อครัวคนไทยกี่คน ในช่วงขั้นตอนการขอเอกสารอนุญาตการทำงานจากทางภาครัฐของจีน พบปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้างคะ

คุณ หยาง ปัจจุบันที่ร้านยังมีพ่อครัวชาวไทยเพียงแค่คนเดียวครับ ซึ่งก็ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ

10.คุณคิดว่านอกเหนือจากพื้นที่มณฑลส่านซีแล้ว พื้นที่ใดในเขตจีนตะวันตกที่มีศักยภาพพอที่จะขยายธุรกิจอาหารไทย เพราะเหตุใดคะ

คุณหยาง ผมคิดว่า พื้นที่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนที่มีศักยภาพสามารถตั้งร้านอาหารไทยได้น่าจะเป็น นครหลานโจว ครับ เพราะพิจารณาจากกำลังการจับจ่ายใช้สอยของประชากรคิดว่าร้านอาหารไทยน่าจะมีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

- ร้านหม้อไฟ “暹罗之恋(รักแห่งสยาม)” ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 Tang West Market ถ.Lao Dong North โทรศัพท์เพื่อสำรองที่นั่ง (029)84311118 อัตราการบริโภคต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 85-100 หยวน

- ปัจจุบันมีร้านอาหารไทย สองร้านที่ให้บริการหม้อไฟ ได้แก่ร้านรักแห่งสยาม และร้านสยามการ์เด้นส์ (ให้บริการหม้อไฟ สำหรับอาหารเย็น และมีบริการอาหารตามเมนูในช่วงกลางวันและเย็น) ที่ โรงแรมแชงกรีลา เขตเกาซิน 38B Keji Road, Gao Xin โทรศัพท์เพื่อสำรองที่นั่ง 029 8875 8888

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ