เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2568 มณฑลกานซูได้จัดกิจกรรม Business Matching ระหว่างจีน (กานซู) – อินโดนีเซีย ณ นครหลานโจว มณฑลกานซู โดยนาย Djauhari Oratmangun เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศจีน นายหู ชาว (Hu Chao : 胡焯) รองประธานคณะกรรมการประจำสภาประชาชนมณฑลกานซู นายตานหนีเอ่อร์ ถูผ้าเอ่อร์ ซีม่านจุ้นถ่าเค่อ (丹尼尔·图帕尔·西曼俊塔克) รักษาการหัวหน้าคณะทำงานด้านการทูตเศรษฐกิจ กระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย (Acting Head of the Economic Diplomacy Working Group of the Ministry of Foreign Affairs of Indonesia) และนายหลู๋หม่าเค่อสั่วนั้ว (鲁马克索诺) เลขาธิการฝ่ายประสานงานด้านอาหารและการเกษตร กระทรวงประสานงานด้านกิจการอาหารของอินโดนีเซีย (Secretary of the Deputy Minister of Food and Agricultural Affairs of the Coordinating Ministry of Food Affairs of Indonesia) เข้าร่วมงาน

          นายหูฯ กล่าวว่า จีนและอินโดนีเซียเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน และในปี 2568 เป็นปีครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-อินโดนีเซีย การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นการดำเนินตามความเห็นพ้องร่วมกันของผู้นำทั้งสองประเทศ และยังเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพและความร่วมมือในอนาคต นอกจากนี้ มณฑลกานซูยังให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับอินโดนีเซีย และหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถขยายความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ พลังงานใหม่ เกษตรกรรมสมัยใหม่ การศึกษา การแพทย์ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน ในการนี้ มณฑลกานซูจะสนับสนุนภาคธุรกิจจีนไปลงทุนในอินโดนีเซีย และสนับสนุนให้นักลงทุนอินโดนีเซียเข้ามาลงทุนในมณฑลกานซู โดยมณฑลกานซูจะจัดเตรียมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เหมาะสมและมีคุณภาพเพื่อเอื้อต่อการเติบโตของภาคเอกชนจากทั้งสองประเทศ

          นายตานหนีเอ่อร์ ถูผ้าเอ่อร์ ซีม่านจุ้นถ่าเค่อ กล่าวว่า จีนเป็นแหล่งลงทุนหลักและเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และอินโดนีเซียจะขยายความร่วมมือกับมณฑลกานซูภายใต้โครงการ “แถบและเส้นทาง” และ “ห้าหลักสำคัญ”[1] เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน

          ที่มา : https://gansu.gansudaily.com.cn/system/2025/07/07/031211463.shtml

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน

 ผู้เรียบเรียง : อรัญญา รุ่งเรือง

[1] “五大支柱” หรือ “ห้าหลักสำคัญ” คือกรอบความร่วมมือของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ที่สนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างประเทศต่าง ๆ ภายใต้การพัฒนาความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองของจีนกับประเทศพันธมิตร ประกอบด้วย 5 ด้านหลัก ได้แก่ (1) การประสานนโยบาย (Political Coordination) (2) การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Connectivity) (3) การส่งเสริมการค้าที่ไม่มีข้อจำกัด (Unimpeded Trade) (4) การบูรณาการทางการเงิน (Financial Integration) และ (5) การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน (Closer People-to-People Ties) โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม