ติดตามดู Big Project สองปีหลังการประกาศสามเหลี่ยมทองคำพลังงานหนิงส่านกานเหมิง รุ่งหรือร่วง !!

ติดตามดู Big Project สองปีหลังการประกาศสามเหลี่ยมทองคำพลังงานหนิงส่านกานเหมิง รุ่งหรือร่วง !!

วันที่นำเข้าข้อมูล 23 ก.ย. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562

| 999 view
  • บทความนี้สะท้อนถึงความท้าทายสำหรับโครงการสามเหลี่ยมทองคำพลังงานใน ส่านซี-กานซู-หนิงเซี่ย-มองโกเลียใน ซึ่งเน้นที่การพึ่งพาอุตสาหกรรมถ่านหิน
  •  แนวทางการพัฒนาโครงการดังกล่าวสะท้อนถึงกระแสการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ทั้งการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมถ่านหิน โครงสร้างการใช้พลังงานในประเทศ และแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจระหว่างหลายมณฑล

เมื่อปี 2554 หนึ่งในข่าวด้านเศรษฐกิจที่สำคัญและได้รับความสนใจมากก็คือ การประกาศของรัฐบาลจีนจัดตั้งเขตพื้นที่สามเหลืยมทองคำพลังงานส่าน-กาน-หนิง-เหมิง ”(蒙陕甘宁能源金三角) ซึ่งพื้นที่ประมาณ 133,800 ตร.กม. ภายใต้มณฑลส่านซี-กานซู-หนิงเซี่ย-มองโกเลียในนี้ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานถ่านหินและก๊าซธรรมชาติถึงร้อยละ 20-25 ของประเทศจีน ให้กลายเป็น ฐานด้านพลังงานและเคมีของประเทศจีน (โดยตั้งเป้าการดำเนินการไว้ภายในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 ระหว่างปี พ.ศ. 2554 – 2558)

ในปี 2556 นี้ บีไอซีซีอานได้ทำการติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของโครงการดังกล่าว พร้อมสรุปประเด็นแนวทางการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวและประเด็นที่ท้าทายสำหรับโครงการ

ความรวดเร็ว  VS. ความยั่งยืน ของการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ

หลังการประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำฯ พบว่ามีการขยายตัวของเศรษฐกิจพื้นที่ดังกล่าวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาอสังหาริมทรัพย์ตัวอย่างเช่น พื้นที่เมืองยวีหลิน (ขุมพลังงานของมณฑลส่านซี ศึกษาได้จากข้อมูลเพิ่มเติม)  ราคาที่พักอาศัยได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2009 ก่อนการจัดตั้งพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำพลังงาน 

อย่างไรก็ตาม ราคาอสังหาริมทรัพย์เป็นเพียงตัวชี้วัดหนึ่งส่วน ในขณะที่ปัจจุบัน พบว่ากิจการด้านพลังงาน (ส่วนใหญ่คือพลังงานถ่านหิน) ของจีน ก็ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับกับกระแสความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน สะท้อนจากสถิติการปิดจำนวนโรงงานถ่านหินในพื้นที่ของเมืองหยูหลินมณฑลส่านซี (ประมาณร้อยละ 34)   อันเป็นสัญญาณของการปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมถ่านหินในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมตัวกัน (merger & acquisition) โดยหลายฝ่ายหวังว่า จะช่วยให้มีบริษัทผู้ผลิตถ่านหินขนาดใหญ่ ที่มีคุณภาพ และมาตรฐานความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น (ปัจจุบัน ร้อยละ 80 ของเหมืองถ่านหินในจีนเป็นเหมืองขนาดเล็ก ยังไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ ตามมาตรฐานที่กำหนด )

 

ในขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ต่างแสดงความเห็นว่า ควรมีการพิจารณาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งยังคงเน้นการพึ่งพาพลังงานที่ไม่สะอาด ประกอบกับกระแสความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมของจีนในขณะนี้ ทำให้การปรับปรุงแนวทางการพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำให้ลดการพึ่งพาการผลิตพลังงานและกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ (diversification) ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ และอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

เศรษฐกิจชะลอตัว สัญญาณเตือนการเร่งลงมือปรับทิศทางพัฒนาพื้นที่

ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า ในขณะนี้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ซึ่งเป็นไปตามกระแสการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของความต้องการถ่านหินในตลาดโลก เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงานต่างๆ ลดลง ทำให้ผลผลิตถ่านหินล้นตลาด และส่งผลกระทบโดยตรงกับการเติบโตของพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำส่าน-กาน-หนิง-เหมิง

แนวโน้มอุตสาหกรรมถ่านหินในเขตสามเหลี่ยมทองคำ (สถานะเมื่อกลางปี 2556)

  • ผลกำไรของพื้นที่เขตหนิงตงซึ่งเป็นพื้นที่ด้านพลังงานของหนิงเซี่ยลดลงร้อยละ 12.5 และมีการบริโภคพลังงานกลุ่มถ่านหินลดลงร้อยละ 9.5
  • เมืองยวีหลิน แหล่งพลังงานสำคัญของส่านซีพบว่ามีวิสาหกิจด้านถ่านหินยุติการผลิตไปแล้วกว่า 93 แห่งหรือคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 53 ของจำนวนวิสาหกิจด้านพลังงานถ่านหินทั้งหมดในนครยวีหลิน[2]
  • กิจการพลังงานในอ.เสินมู่ อีกหนึ่งพื้นที่พลังงานของมณฑลส่านซีได้ยุติการผลิตไปแล้วกว่า 42 ราย จากทั้งสิ้น 99 รายหรือคิดเป็นร้อยละ 42.4 ของจำนวนวิสาหกิจพลังงานทั้งหมดในพื้นที่

อันสอดคล้องกับกระแสระดับประเทศ ซึ่งรัฐบาลกลางได้ประกาศควบคุมปริมาณการผลิตถ่านหินในปี 2556 ให้ไม่เกิน 3.65 พันล้านตัน และเพิ่มขึ้นไม่ถึงร้อยละ 4 รวมทั้งกระแสการใช้พลังงานแหล่งอื่นๆ เพิ่มขึ้น อาทิ พลังงานน้ำ ซึ่งในปีนี้มีผลผลิตสูงขึ้นเนื่องจากมีฝนตกและปริมาณน้ำสูงขึ้นในภาคใต้ของจีน) ดังนั้น จึงเป็นสัญญาณเตือนให้เห็นถึงความสำคัญการปรับทิศทางพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำแห่งนี้ ซึ่งสรุปรายละเอียดประเด็นเพื่อจัดการกับความท้าทายต่างๆ ที่รัฐบาลในท้องถิ่นบางแห่งได้ดำเนินการแล้ว ดังนี้

มาตรการระยะสั้น

  • เสาะหาช่องทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ อาทิกรณีของหนิงเซี่ย เน้นการดึงดูดผู้ลงทุนจากประเทศในอาหรับ
  •  ส่งเสริม CSR เพื่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นความปลอดภัยและสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานในเหมืองถ่านหิน สถิติระบุอัตราการเสียชีวิตของคนงานในปี 2012 ได้ลดลงจากปี 2011 ประมาณร้อยละ 32
  •  ปรับทิศทางกลไกขับเคลื่อนโครงการ โดยที่พื้นที่ดังกล่าวครอบคลุม 4 มณฑล/เขตการปกครอง การดำเนินงานในการขับเคลื่อนก็จำเป็นต้องใช้การร่วมบูรณาการระหว่างกัน และการพิจารณาร่วมกันเพื่อกำหนดขอบเขต การพัฒนา นโยบายร่วม และอาจมีความจำเป็นในการสร้างกลไกร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนโครงการนี้

 

 

มาตรการระยะยาว

  •  รับมือกระแส Green economy ซึ่งนับวันจะเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากประชากรในจีน
  • ขยายความเชื่อมโยงทางคมนาคมของพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบัน เส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
  •  กระจายความเสี่ยงด้วยอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งจะเกื้อกูลกัน อันเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากอุตสาหกรรมพลังงานหนักเหล่านี้ อาจไม่สามารถเป็นแหล่งรายได้หลักสำหรับเขตพื้นที่สามเหลี่ยมเศรษฐกิจในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน ทั้งปัจจัยภายนอก (กระแสสิ่งแวดล้อม การพัฒนาพลังงานในรูปแบบต่างๆ และสภาพเศรษฐกิจจีน) และปัจจัยภายใน (ค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น ความจำเป็นที่จะต้องปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมถ่านหิน เป็นต้น)

บทสรุปและ Lessons learned

โครงการดังกล่าวได้สะท้อนแล้วว่า การพัฒนาโครงการเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีน นั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายประการประกอบ โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมเก่า ที่จะต้องจัดการกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน อย่างไรก็ดี เชื่อได้ว่า การจัดตั้งพื้นที่ฐานพลังงานของจีนแห่งนี้ น่าจะสามารถสานต่อได้ เนื่องจากศักยภาพของพื้นที่ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลในพื้นที่ ที่จะผลักดันโครงการนี้ อันเป็นตัวอย่างของโปรเจคขนาดใหญ่ที่น่าติดตามต่อไปในอนาคต

ตัวอย่างเช่น การที่ รัฐบาลยวีหลินได้ประกาศมาตรการวางโครงสร้างพลังงานใหม่ และส่งเสริมอุตสาหรรมบริการ การใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และการประกาศพื้นที่เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นต้น

**************

ในส่วนของพื้นที่เขตหนิงตงที่ตั้งของฐานพลังงานสามเหลี่ยมทองคำในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยพบข้อมูลสถิติในช่วงไตรมาสแรกของปี 2013 ถึงการบริโภคพลังงานในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่ที่ 8.89 ล้านตันลดลงถึงร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ข้อมูลจากสำนักงานการพาณิชย์เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยรายงานว่าปัจจัยที่ส่งผลให้การบริโภคพลังงานในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของหนิงเซี่ยลดลงเป็นผลจากการถดถอยของเศรษฐกิจ ส่งผลให้เขตอุตสาหกรรมพลังงานหนิงตง มีผลกำไรน้อยลงโดยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันถึงร้อยละ 12.5 อยู่ที่เพียง 3,003 ล้านหยวน[3]

ข้อมูลอ้างอิง

 [1] finance.sina.com.cn/china/dfjj/20120804/001312756088.shtml

[2] บทความ 半数煤矿停产 “能源金三角” 经济失速转型因困,中国经营报道

[3] http://finance.sina.com.cn/roll/20130601/020515661700.shtml

[4] http://finance.jrj.com.cn/2012/11/24051714725061.shtml

[5] finance.ifeng.com/roll/20120804/6870044.shtml

ข้อมูลเพิ่มเติม

1.นครยวีหลิน ตั้งอยู่เหนือสุดของมณฑลส่านซี เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจีนรวมถึงเป็นหนึ่งในที่ตั้งของกำแพงเมืองจีนโบราณ ยวีหลินเป็นเมืองที่มีศักยภาพทางด้านอุตสาหกรรมเบาอาทิ เครื่องหนัง สิ่งทอ พรม ปัจจุบัน รัฐบาลพยายามผลักดันศักยภาพทางด้านพลังงานด้วยการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเสินฝู่ เน้นอุตสาหกรรมถ่านหิน เกลือ เคมีเป็นหลักและอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลสมัยใหม่เป็นรอง

2.เมืองออร์ดอส อยู่ทางทิศเหนือของเขตปกครองตนเองมองโกเลียในเป็นพื้นที่ที่มีการทับถมของตะกอน ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรแร่ธาตุมาก โดยเฉพาะถ่านหินและน้ำมัน ปัจจุบัน มีการค้นพบทรัพยากรแร่ธาตุมากกว่า 120 ชนิด เป็นทรัพยากรแร่ธาตุที่ทำการสำรวจปริมาณแล้ว 78 ชนิด ในจำนวนนี้ มี 42 ชนิดที่มีปริมาณมากจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศ โดยเฉพาะถ่านหิน มีการค้นพบถ่านหินในพื้นที่ทั้งหมดกว่า 100,000 ตารางกิโลเมตร โดยมีการขุดสำรวจแล้วเป็นปริมาณกว่า 240,000 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของปริมาณถ่านหินที่ผลิตได้ทั้งประเทศ และมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากมณฑลซานซี

3.เขตอุตสาหกรรมพลังงานหนิงตงของเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยซึ่งมีปริมาณทรัพยากรถ่านหินอยู่มาก การคมนาคมมีเส้นทางรถไฟสายหลัก 4 สาย และการใช้ทรัพยากรน้ำจากแม่น้ำเหลืองที่มีระยะห่างเพียง 3 กิโลเมตร และมีการจัดสรรการใช้น้ำสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานไว้อย่างลงตัวปัจจุบันมีเส้นทางการขนส่งทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างเมือง 4 สายหลักได้แก่เปาหลาน(包兰) หลานซิน(兰新) จงไท่หยิน(中太银) และเป่าจง(宝中) ซึ่งในส่วนของเส้นทางการคมนาคมทางรถยนต์ปัจจุบันหนิงเซี่ยได้ก่อสร้างทางด่วนเชื่อมต่อระหว่างนครหยินชวนไปยังนครชิงเต่าและทางหลวงหมายเลข 307 และ 211

4.พื้นที่ในส่วนภาคตะวันออกของมณฑลกานซู(หล่งตง) มีทรัพยากรถ่านหินมากถึงร้อยละ 90 ของปริมารถ่านหินสำรองของทั้งมณฑลกานซู โดยในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ได้บรรจุแผนพัฒนาอุตสาหกรรมถ่านหินและอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า

บทความที่เกี่ยวข้อง

แผน “เขตสามเหลี่ยมทองคำพลังงานหนิงเหมิงส่านกาน” จะผ่านอนุมัติเร็ว ๆนี้

หนิงเซี่ยไชโย แผน “สามเหลี่ยมทองคำพลังงาน” ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลกลาง

ปฐมบทแห่ง “สามเหลี่ยมพลังงานเหมิง-ส่าน-กาน-หนิง” ฐานที่มั่นพลังงานแห่งใหม่ของจีน

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ