วันที่นำเข้าข้อมูล 7 พ.ย. 2567
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 7 พ.ย. 2567
เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “หนิงเซี่ย” มีพื้นที่อยู่ในแนวเส้นละติจูดเหนือที่ 38 องศา ซึ่งเป็น"แนวเส้นทองคำ" สำหรับการผลิตไวน์ชั้นดี โดยแบรนด์ระดับ High-end ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกส่วนใหญ่ล้วนผลิตจากแนวเส้นละติจูดนี้ ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญที่เหมาะสมในการปลูกองุ่นสำหรับผลิตไวน์ ได้แก่ อุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน ระดับความชื้นที่พอเหมาะ และคุณภาพดินที่เหมาะสม
พื้นที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในการผลิตไวน์อยู่บริเวณเชิงเขาทางตะวันออกของภูเขาเฮ่อหลาน (贺兰山东麓) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "Bordeaux ของจีน" โดยนิตยสารรีวิวไวน์ของฝรั่งเศสได้จัดอันดับให้เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ดีที่สุดในจีน และหนังสือพิมพ์ “The New York Times” ได้เลือกให้เป็น 1 ใน 46 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก และเป็น 1 ใน 10 พื้นที่การท่องเที่ยวและผลิตไวน์ที่มีศักยภาพมากที่สุดในโลก ทั้งนี้ ไวน์ที่ผลิตในพื้นที่แห่งนี้เคยได้รับรางวัลมากมายในการแข่งขันไวน์ระดับโลก
- หนิงเซี่ยมีพื้นที่ผลิตไวน์ 6 พื้นที่หลัก ได้แก่ (1) Shi zuishan (石嘴山) (2) He Lan (贺兰) (3) Yin Chuan (银川) (4) Yong Ning (永宁) (5) Qing Tongxia (青铜峡) และ (6) Hong Sipu (红寺堡) ซึ่งไวน์ของแต่ละพื้นที่จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน ดังนี้
(1) พื้นที่ Shi zuishan (石嘴山) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของหนิงเซี่ย อากาศเย็นสบาย ทำให้องุ่นเติบโตค่อนข้างช้า ส่งผลให้ไวน์มีกลิ่นหอมขององุ่นที่เด่นชัดและมีรสชาติเข้มข้น
(2) พื้นที่ Yin Chuan (银川) ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวงของหนิงเซี่ย เป็นไวน์อุตสาหกรรมสมัยใหม่ มีจุดเด่นคือ
ไวน์แดงมีรสชาติที่เข้มข้น ส่วนไวน์ขาวมีรสชาติหอม สะอาด และสดชื่น ทั้งนี้ ไวน์ของ He Lan (贺兰) และ Yong Ning
(永宁) ต่างมีรสชาติที่ใกล้เคียงกันกับไวน์ Yin Chuan (银川) เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะภูมิประเทศที่ใกล้เคียงกัน
(3) พื้นที่ Qing Tongxia (青铜峡) อยู่ติดกับแม่น้ำฮวงเหอ (黄河) ทำให้องุ่นที่ปลูกในพื้นที่มีแร่ธาตุที่เข้มข้นกว่าที่อื่น ไวน์จึงมีรสชาติที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นเอกลักษณ์
(4) พื้นที่ Hong Sipu (红寺堡) ตั้งอยู่ทางใต้สุดของหนิงเซี่ย มีอากาศแห้งและแสงแดดมาก ส่งผลให้ไวน์มีสัดส่วนของแอลกอฮอล์สูงและมีกลิ่นองุ่นเด่นชัด
- ใน 6 พื้นที่ผลิตไวน์ข้างต้น มีโรงกลั่นไวน์กว่า 60 แห่ง ซึ่งได้รับรางวัลรวมกันกว่า 1,700 รางวัล ในการแข่งขันไวน์ระดับนานาชาติ เช่น ไวน์แดงจากโรงกลั่นไวน์ Helanqingxu (贺兰晴雪) ยี่ห้อ JIA BEI LAN รุ่น“JIA BEI LAN Grand Reserve 2009”(“加贝兰2009特别珍藏”) ได้รับรางวัล Gold Medal จากการแข่งขันไวน์ระดับโลก “2011 Decanter World Wine Awards” นอกจากนี้ ไวน์แดงจากโรงกลั่นไวน์“Helanhong” (贺兰红) ยี่ห้อ HELAN HONG รุ่น “Helong Hong 20 Classic 2018” ได้รับรางวัล Grand Gold Medal จากการแข่งขัน 2023-2024 Concours Mondial de Bruxelles (China)
- การพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์ของหนิงเซี่ยเริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1984 ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 โดยไวน์ถูกจัดเป็น 1 ใน 6 อุตสาหกรรมเสาหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจในชนบท ต่อมาในปี ค.ศ. 2001 สมาคมอุตสาหกรรมไวน์หนิงเซี่ยได้ก่อตั้งขึ้น นับเป็นสมาคมอุตสาหกรรมไวน์ระดับมณฑลแห่งแรกในจีน
- ในปี ค.ศ. 2003 รัฐบาลกลางของจีนได้กำหนดให้พื้นที่ในหนิงเซี่ยกว่า 2,000 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่อนุรักษ์สำหรับการเพาะปลูกองุ่นและการผลิตไวน์ระดับชาติ ต่อมาในปี ค.ศ. 2010 รัฐบาลหนิงเซี่ยได้ออกมาตรการการพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์และล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 2021 ได้ออก“แผนยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ของหนิงเซี่ย – แผนพัฒนา 5 ปี ฉบับที่ 14 และเป้าหมายระยะยาวปี 2035”
- จนถึงปัจจุบัน หนิงเซี่ยมีพื้นที่ปลูกไร่องุ่นสำหรับผลิตไวน์ทั้งหมด 401.33 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 1 ใน 4 ของพื้นที่การผลิตไวน์ทั้งหมดในจีน และใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นพื้นที่ต้นแบบในการผลิตไวน์ที่มีคุณภาพสูงในจีน นอกจากนี้ มีโรงกลั่นไวน์รวม 211 แห่ง (สร้างเสร็จแล้ว 101 แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 110 แห่ง) มีผลผลิตไวน์ 130 ล้านขวด/ปี มูลค่าผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 2.61 หมื่นล้านหยวน/ปี ส่งออกไป 40 กว่าประเทศทั่วโลก
- ตลอดระยะเวลา 40 ปีในการพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์ที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไวน์หนิงเซี่ยประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ สรุปได้ ดังนี้
(1) ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ทำให้รสชาติไวน์มีลักษณะเข้มข้น มีกลิ่นหอมขององุ่นที่เด่นชัด นุ่มนวลและกลมกล่อม ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
(2) ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนที่แน่นแฟ้นกับต่างประเทศ เช่น การนําเข้าเทคโนโลยีการปลูกองุ่นและการผลิตไวน์ขั้นสูง และเชิญผู้ผลิตไวน์ระดับโลกกว่า 60 ราย จาก 23 ประเทศ มาร่วมให้คำปรึกษา ถ่ายทอดองค์ความรู้กับผู้ผลิตท้องถิ่น รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ จึงสามารถสร้างโรงกลั่นไวน์ที่ทันสมัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยผู้ผลิตแต่ละเจ้ามีการวางแผนจัดวางไร่องุ่น เลือกใช้วัตถุดิบ เทคนิค รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างในการเก็บและบ่มไวน์ต่างกันไป
(3) การประชาสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จในการนำเสนอไวน์ท้องถิ่น ทำให้ไวน์หนิงเซี่ยสามารถก้าวไปสู่ระดับโลก
(4) การสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นในการก่อตั้งสถาบันวิจัยหลายแห่งขึ้น ซึ่งช่วยในเรื่องการพัฒนาและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(5) การพัฒนาและการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มีส่วนช่วยในการพัฒนาท้องถิ่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ของเกษตรกรและประชาชนในท้องถิ่น โดยสนับสนุนให้โรงกลั่นไวน์และไร่องุ่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของหนิงเซี่ย โดยมุ่งเน้นในการฟื้นฟูระบบนิเวศและเพิ่มความสามารถในการดูดซับคาร์บอนอีกด้วย
(6) รัฐบาลให้การสนับสนุนทางนโยบายและออกมาตรการที่ส่งเสริมการพัฒนา ในปี ค.ศ. 2020 กำหนดให้ อุตสาหกรรมไวน์เป็น 1 ใน 9 อุตสาหกรรมสำคัญของหนิงเซี่ย และจัดตั้งคณะกรรมการบริหารสวนอุตสาหกรรมไวน์ในพื้นที่ด้านเชิงเขาทางตะวันออกของภูเขาเฮ่อหลานของหนิงเซี่ย (宁夏贺兰山东麓葡萄酒产业园区管理委员会) เพื่อผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนในการจัดงาน China (Ningxia) International Wine Culture And Tourism Expo เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมไวน์ของหนิงเซี่ย
(7) รัฐบาลได้กำหนดมาตรฐานทางเทคนิคและวิธีการบริหารจัดการในกระบวนการผลิตไวน์ และยังออกแผนพัฒนาอุตสาหกรรม “แผนยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ของหนิงเซี่ยหุย (ปี ค.ศ. 2021-2035) 《中国(宁夏)贺兰山东麓葡萄酒产业高质量发展规划(2021—2035年)》และแผนดำเนินการการพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์ 《葡萄酒产业高质量发展实施方案》เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์ให้สามารถก้าวหน้าต่อไปอีกขั้น
- ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น หนิงเซี่ยได้จัดงาน China (Ningxia) International Wine Culture And Tourism Expo ที่นครหยินชวน เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2021 ซึ่งประสบความสำเร็จและได้จัดต่อเนื่องมาทุกปี ในปี ค.ศ. 2024 ซึ่งเป็นงาน Expo ครั้งที่ 4 มีการแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับไวน์ การแข่งขันไวน์นานาชาติ การประกวดภาพเกี่ยวกับไวน์ การแข่งขันทักษะของผู้ผลิตไวน์ เป็นต้น มีผู้ประกอบการด้านการผลิตไวน์ ทั้งด้านบรรจุภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไวน์จากทั้งในและต่างประเทศกว่า 300 ราย เข้าร่วมงาน
มีโรงกลั่นไวน์ของหนิงเซี่ยกว่า 50 ราย ร่วมแสดงสินค้า ทั้งแบบ online และ offline มีผู้เข้าชมการแสดงสินค้าจากทั้งในและต่างประเทศ ในงานกว่า 440 คน นอกจากนี้ ภายในงาน Expo ครั้งนี้ ยังมีการประกาศมูลค่าการผลิตไวน์ของหนิงเซี่ย ในปี ค.ศ. 2023 ว่ามีมูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านหยวน (เพิ่มจากปีก่อนซึ่งมีมูลค่า 3 หมื่นล้านหยวน)
- อุตสาหกรรมไวน์ของหนิงเซี่ยเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น และกำลังก้าวไปสู่ระดับประเทศ แต่ยังมีความท้าทายและอุปสรรค เช่น ระยะเวลาในการพัฒนาอุตสาหกรรม องค์ความรู้ และเทคโนโลยีด้านไวน์ นับว่าสั้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศ ต้นทุนในการผลิตที่ยังสูง ขาดการแข่งขันด้านราคาในหลายส่วน อาทิ ขวดไวน์ จุกคอร์ก วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวกับไวน์ นอกจากนี้ แนวคิดและวัฒนธรรมการดื่มไวน์ในจีนยังไม่แพร่หลายเท่ากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น เช่น เบียร์และเหล้าขาว จึงยังไม่สามารถพึ่งพาตลาดภายในประเทศมากนัก จึงยังต้องลงทุนในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด เพื่อสร้างความนิยมและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ หากทำได้สำเร็จ จะสามารถเพิ่มยอดขายและรายได้ให้กับอุตสาหกรรมไวน์ จึงนับว่าเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสของนักลงทุนและผู้ประกอบการไวน์ของหนิงเซี่ย
*******************************
รูปภาพประกอบ
Office Hours : Mon-Fri, 09.00-12.00 hrs. and 13.30-17.00 hrs.
Consular Section
VISA inquiries : +(86-29) 6125 3668 ext 801 Monday - Friday 15.00 - 17.00 hrs.
Thai citizen, please contact (+๘๖) ๑๘๒๐๒๙๒๑๒๘๑ for an appointment.