เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอัจฉริยะแห่งตะวันตกของจีน

เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอัจฉริยะแห่งตะวันตกของจีน

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ก.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 9 ก.ย. 2568

| 13 view

          เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยเร่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีหลายด้าน เช่น โรงงานอัจฉริยะ ศูนย์ข้อมูล ห้องเรียนอัจฉริยะ และ AI ทางการแพทย์ บูรณาการในด้านการผลิตและการดำรงชีวิต ทั้งนี้ เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยเป็นพื้นที่เดียวในจีนที่เป็นทั้งศูนย์แลกเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ และศูนย์กลางเครือข่ายการประมวลผลระดับชาติ นอกจากนี้ ยังได้ประกาศใช้แผนปฏิบัติการ 2 ฉบับ ได้แก่ (1) แผนผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลแบบบูรณาการ และ (2) แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังประมวลผลคุณภาพสูง เพื่อสร้างพื้นฐานมั่นคงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบัน ดัชนีรวมด้านพลังประมวลผลของเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยอยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศ ดัชนีด้านคุณภาพและประสิทธิภาพอยู่ในอันดับ 1 ของภาคตะวันตก และดัชนีด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ในอันดับ 2 ของประเทศ ทำให้เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยกลายเป็นฐานหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศ โดยเมืองสำคัญในเขตฯ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจดิจิทัล ได้แก่
          (1) นครหยินชวน เป็นผู้นำด้านการใช้นวัตกรรมในภาคการผลิต โดยในปี 2567 มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล อยู่ที่ 1.1แสนล้านหยวน และได้เปิดใช้งานฐานพัฒนาและทดสอบชิป AI แห่งแรกของจีน พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดห้องปฏิบัติการดิจิทัลและโรงงานอัจฉริยะคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย และยังเป็นศูนย์รวมของบริษัทด้านบริการดิจิทัลถึง 85% เช่น โรงงานผลิตนมของบริษัท Inner Mongolia Mengniu Dairy (Group) Limited by Share Ltd. ได้นำระบบ AI มาบริหารจัดการการผลิต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ถึง 20%
          (2) เมืองจงเว่ย ใช้โอกาสจากนโยบาย “East Data West Computing” ของรัฐบาลกลางในการดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Amazon และ Tencent เข้ามาลงทุน โดยพัฒนาโมเดล “พลังงานสะอาด + โครงข่ายจำลอง + ศูนย์ข้อมูล” เพื่อเปลี่ยนพลังงานลมและแสงอาทิตย์จากทะเลทรายให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ปัจจุบัน เมืองจงเว่ยมีกลุ่มพลังประมวลผลอัจฉริยะขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และมีดัชนีเมืองด้านพลังประมวลผลอยู่อันดับ 4 ของประเทศ
          นอกจากนี้ เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้พัฒนาในด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ได้แก่
          (1) ด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย Bandwidth ที่เชื่อมต่อออกนอกพื้นที่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 (2559–2563) และสามารถเชื่อมโยงโดยตรงกับ 26 เมืองทั่วประเทศจีน ทั้งนี้ ค่าความหน่วงของเครือข่าย (Network Latency) อยู่ในระดับต่ำกว่า 20 มิลลิวินาที ส่งผลให้สามารถรองรับการส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว มีเสถียรภาพ และมีประสิทธิภาพสูง
          (2) ภาคอุตสาหกรรม เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยมีโรงงานอัจฉริยะและสายการผลิตดิจิทัลรวม 186 แห่ง มีแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม 119 แพลตฟอร์ม และมีบริษัทกว่า 2,600 แห่งที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์และการวิเคราะห์ข้อมูล ตัวอย่างเช่น บริษัท Lianlong (Zhongwei) New Materials Co., Ltd. ในเมืองจงเว่ย ได้นำรถฟอร์คลิฟต์ไร้คนขับมาใช้งาน พร้อมทั้งใช้เครื่องจักร 3 มิติในสายการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
          (3) ด้านสาธารณสุข เขตฯ หนิงเซี่ยได้พัฒนา AI ช่วยวินิจฉัยทางการแพทย์ชื่อว่า “ผู้ช่วยแพทย์-หนิงเสี่ยวเว่ย : 医助—宁小卫” ซึ่งพัฒนาจากโมเดล DeepSeek โดยได้เริ่มใช้งานเต็มรูปแบบในโรงพยาบาลของรัฐ 9 แห่งในเมืองสือจุ่ยซาน ครอบคลุมสถานีแพทย์กว่า 1,100 แห่ง ช่วยให้แพทย์เข้าถึงข้อมูลและแนวทางการรักษาที่ทันสมัย  
          (4) ภาคการศึกษา เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยได้จัดตั้งห้องเรียนอัจฉริยะ ห้องทดลองดิจิทัล และศูนย์นวัตกรรมกว่า 1,200 แห่ง ทำให้เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยมีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ในอันดับ 5 และอาชีวศึกษาอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศ

          ที่มา : https://szb.nxrb.cn/nxrb/pc/con/202507/30/content_167558.html

          ที่มาของรูป : https://www.nxnews.net/yc/jrww/202209/t20220908_7698146.html 
 

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน

                                                                                                ผู้เรียบเรียง : อรัญญา รุ่งเรือง

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ