ท่านผู้อ่านประจำของ thaibizchina คงจะคุ้นหูกับชื่อบริษัทง่วนสูน ผู้ผลิตพริกไทยตรามือ และสินค้าเครื่องปรุงประกอบการทำอาหารไทยนานาชนิด ทั้งพริกแกง เครื่องปรุงผงต่างๆ อาทิ ส้มตำ ข้าวผัด กว่าสองร้อยรายการ ซึ่งได้มาเปิดบริษัทผู้นำเข้าสินค้าของง่วนสูนในจีนที่นครกว่างโจวรวมทั้งให้สัมภาษณ์การบุกตลาดจีนโดยมีที่ตั้งอยู่ที่นครกว่างโจวเมื่อไม่นานมานี้  ล่าสุด ในโอกาสงานมหกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างภาคตะวันออกและภาคตะวันตกครังที่ 16 หรือ ซีเซี่ยหุ้ย (The 16th Investment and Trade Forum for Cooperation between East and West China (ITFCEW) เมื่อวันที่ 5-9 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งคุณเจ๊คเกอรี่ ผู้แทนบริษัทง่วนสูนที่กว่างโจวได้เข้าร่วมงาน ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอานได้โอกาสอันดีในการเข้าสอบถามความเห็นของบ.ง่วนสูนเกี่ยวกับการเข้าร่วมงานซีเซี่ยหุ้ย และการสำรวจตลาดในส่านซี รวมทั้งโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมอาหารไทยธุรกิจไทยในจีน ซึ่งมีข้อคิดต่างๆ ที่น่าสนใจมากทีเดียว

ง่วนสูนกับการออกบู๊ทในงานซีเซี่ยหุ้ย: บทประเมินเบื้องต้นตลาดส่านซี

1.งานซีเซี่ยหุ้ยถือเป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของ มณฑลส่านซี ทราบว่าปีที่แล้วมีผู้เข้างาน กว่าเจ็ดแสนคน สำหรับปีนี้ในโอกาสที่ได้เข้าร่วมงานและออกบู๊ทจำหน่ายสินค้าของง่วนสูน ขอทราบความรู้สึกหลังจากการได้ร่วมงานซีเซี่ยหุ้ยในครั้งนี้

          -ประการแรกคือ ชาวส่านซีรู้จักเครื่องเทศดีมากครับ เนื่องจากบริเวณมณฑลส่านซีและมณฑลกานซูนั้น ประชากรนิยมบริโภคเนื้อแพะ เนื้อวัว พร้อมเครื่องเทศเยอะๆ เรียกได้ว่า ผู้บริโภคที่นี่รู้จักเครื่องเทศบางชนิดดีมากกว่าที่อื่นๆ ในจีน และถึงแม้ว่าอาหารไทยยังมีจำนวนไม่มาก แต่ผมสังเกตจากจำนวนผู้เที่ยวชมงานที่มาเยี่ยมชมและซื้อสินค้าในบู๊ทของเรา ได้ทราบว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากซีอาน/ส่านซีไปเยือนเมืองไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชาวส่านซีนิยมผงกระหรี่ไทย และรู้จักเครื่องแกงไทยบ้าง รวมทั้งนิยมถามหาถึงพริกไทยด้วย ส่วนเครื่องปรุงที่ยังไม่รู้จักได้แก่ น้ำปลา หรือกะทิ 
 

มองศักยภาพในส่านซี

คุณแจ๊กเกอรี่เคยให้ข้อพิจารณาว่า สินค้าเกษตรและสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มอาทิ ดีไซน์ หรือการบริการจากประเทศไทยมีศักยภาพเข้ามาในตลาดกว่างโจว ขอทราบความเห็นเกี่ยวกับตลาดของส่านซี เท่าที่ได้สัมผัสในช่วงที่เข้าร่วมงาน

           -จากช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมมีโอกาสสัมผัสและได้เดินทางไปสำรวจตลาดบ้างแล้วต้องยอมรับว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคที่นี่ยังไม่สูงเท่ากับเมืองใหญ่ในภาคตะวันออกของประเทศจีน แต่เศรษฐกิจที่นี่เติบโตค่อนข้างเร็ว ดังนั้นผมเห็นว่าสินค้าอุปโภคที่ไม่ใหญ่มาก ราคาไม่สูงมาก อาทิ เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่มีราคาไม่แพง น่าจะนำเข้ามาเป็นสินค้าทดลองตลาดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การมองประเด็นอาหารเพื่อสุขภาพก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจครับ 

นอกจากนี้ ผมเห็นว่า ตลาดที่อาจเป็นคู่แข่งไทยได้ ก็เช่นสินค้าจากประเทศมาเลเซีย (ซึ่งเข้าร่วมแสดงสินค้าในครั้งนี้ด้วย) เนื่องจากมีสินค้าเกษตรคล้ายไทยหลายอย่าง ความสามารถในการแปรรูปสินค้าก็คล้ายคลึงกับไทย และมีข้อได้เปรียบด้านบุคลากรที่พูดภาษาจีนได้ แต่ทั้งนี้ ก็เป็นการประเมินเบื้องต้นจากที่มองในงานซีเซี่ยหุ้ยนะครับ

สิ่งที่คุณแจ๊คเกอรี่อยากฝากให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจมาค้าขายหรือลงทุนที่ซีอาน

ผมเองมีโอกาสสัมผัสนครซีอานไม่มากนัก แต่ขอเรียนว่า ประทับใจมาก กับความมีไมตรีของชาวซีอาน ทั้งกรณีบริษัทที่ผมได้หารือด้วย ซึ่งช่วยชักจูงให้บริษัทที่เค้าคิดว่า น่าจะมีศักยภาพทางธุรกิจร่วมกับง่วนสูนมาพบผม เรียกได้ว่า ชาวซีอานมีความกระตือรือร้นและสนใจอยากทำธุรกิจกับภายนอกมาก แม้ว่าประสบการณ์ของนักธุรกิจในท้องถิ่นที่นี่รวมไปถึงการทำงานกับต่างประเทศอาจยังประสบกับข้อจำกัด แต่ผมคิดว่า ซีอานเป็นเมืองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากอีกเมืองหนึ่งครับ 

การประชาสัมพันธ์อาหารไทยในจีน

ขอทราบประเด็นหลักที่คุณแจ๊คเกอรี่เห็นว่า น่าจะผลักดันเพื่อประชาสัมพันธ์อาหารไทยในประเทศจีน

           -ประการแรก คือการสร้างความรู้จักอาหารไทย ซึ่งถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงกับอาหารจีน แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ ต้องให้ผู้ใช้รู้จักอาหารไทยที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องเน้นขั้นตอนการปรุงที่ง่ายเกินไป แต่เน้นการสร้างความตระหนัก การรู้จักในอาหารไทย เป็นสำคัญ

สิ่งที่สอดคล้องกับแนวทางของเรา คือการสื่อไม่เฉพาะแค่สินค้าของเรา แต่ยังสื่อถึงประวัติและวัฒนธรรมอาหารไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักพร้อมกับชื่นชอบสินค้าของเราไปพร้อมๆ กัน อันจะสร้าง loyalty ต่อแบรนด์ง่วนสูนในกลุ่มลูกค้าอีกด้วย นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ของสินค้าที่นำเข้ามาขาย ก็มีความสำคัญมากๆครับ  

วิสัยทัศน์ง่วนสูนกับการบุกตลาดจีน

หลายๆ คนบอกว่า กลัวการมาลงทุนที่เมืองจีน เพราะมีประเด็นการปลอมแปลงสินค้าให้เห็นอยู่บ่อยๆ คุณแจ็คเกอรี่คิดอย่างไรกับประเด็นนี้

ผมคิดว่าประการแรก ผู้ประกอบการต้องไม่กลัวครับ และต้องมั่นใจว่า สินค้าของตนมีดีจริงๆ รวมทั้งศึกษาให้รอบคอบว่า ประเภทสินค้าของตนมีความเสี่ยงต่อการปลอมแปลงมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบันมีความรู้มากขึ้น ศึกษาข้อมูลและที่มาของสินค้าที่ตนบริโภคมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ ก็ตรงกับจุดที่ผมชี้ว่า การทำการตลาดผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจของผู้บริโภคจึงมีความสำคัญมาก

ท้ายสุดนี้ ขอทราบแนวคิดสำคัญของบริษัทง่วนสูนกับการเข้ามาบุกตลาดจีนเพื่อเป็นข้อคิดแก่ผู้ประกอบการไทยรายอื่นที่สนใจจะบุกตลาดจีน

           -แนวทางซึ่งคุณวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท ง่วนสูน จำกัด ได้เคยกล่าวไว้ มีดังนี้ ครับ

            ประการแรก ผู้ประกอบการไทยต้องมีความเชื่อมั่นมากๆ ในการเข้ามาในตลาดจีน ต้องเชื่อมั่นว่าสินค้าท่านดีจริงและนำจุดแข็งของประเทศมาเป็นข้อแข่งขันให้ได้

            ประการที่สอง ลูกค้าในจีน นับวันจะศึกษาข้อมูลเพิ่มขึ้น เลือกซื้อสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องตระหนักประเด็นนี้ เลือกทำสิ่งที่ท่านถนัด อันจะสามารถรับประกันความสำเร็จของท่านได้

            ประการที่สาม บริษัทไทย ควรไปด้วยกันครับ หากไปแบบเดี่ยวๆ เราก็ต่อสู้คนเดียว ควรจะจับมือบุกตลาดด้วยกัน ประการนี้ ท่านผู้บริหารของบริษัทเห็นว่าสำคัญมากครับ

เรียกได้ว่า เป็นข้อคิดที่น่าสนใจมากๆ กับแนวทางการมองตลาดเมืองจีนและตลาดที่กำลังเป็นดาวรุ่งใหม่อย่างนครซีอาน หากท่านผู้ใดสนใจอาจลองศึกษาข้อมูลบริษัทง่วนสูนที่เว็บไซต์ ซึ่งมีทั้งภาคภาษาไทย อังกฤษ และจีน ที่ www.nguansoon.com  และ www.nguansoon.com.cn

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีอานที่น่าสนใจ

ลิงค์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

1.ตลาดร้านอาหารไทยในซีอาน

2.ข้อมูลงาน "ซีเชี่ยฮุ่ย" ปี 2555

3.เมื่อง่วนสูนบุกตลาดแดนมังกร (บทสัมภาษณ์บ.ง่วนสูนของศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครกวางโจว)